Google

Wednesday, September 23, 2009

Monetary Policy : Gold Standard

นโยบายทางการเงิน : มาตราทองคำ

ระบบการเงินระหว่างประเทศที่ใช้ทองคำเป็นมาตรฐานค่าของเงินร่วมกัน ภายใต้ระบบมาตรฐานทองคำนี้เงินตราของแต่ละชาติจะมีทองคำหนุนหลัง เงินตราแต่ละสกุลมีค่าที่วัดกันด้วยทองคำ และเงินตราแต่ละสกุลสามารถแลกเปลี่ยนเป็นทองคำหรือเงินสกุลใดๆของชาติที่อยู่ในระบบนี้ได้ การเสียเปรียบหรือการได้เปรียบในดุลการชำระเงินจะตกลงกันด้วยทองคำที่ออกจากประเทศหนึ่งไปยังอีกประเทศหนึ่ง ภายใต้มาตราปริวรรตทองคำที่ได้รับการแก้ไขนั้น ธนาคารกลางจะเป็นผู้ซื้อและขายเงินตราของชาติที่มีทองคำซึ่งมีค่าคงที่หนุนหลังอยู่

ความสำคัญ มาตราทองคำนี้ได้รับการจัดตั้งขึ้นมาให้เป็นระบบการเงินระหว่างประเทศขั้นพื้นฐานมาตั้งแต่กลางคริสตศตวรรษที่ 19 จวบจนถึงปี ค.ศ. 1914 และระบบนี้ได้ถูกนำกลับมาใช้อีกในช่วงเวลาสั้นๆระหว่าง ค.ศ. 1925-1931 และช่วงระหว่าง ค.ศ. 1958-1971 โดยออกมาในรูปของมาตรฐานปริวรรตทองคำ เมื่อปี ค.ศ. 1971 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของประธานาธิบดีนิกสัน ได้ถูกบีบบังคับให้ต้องตัดความสัมพันธ์ที่ผูกกันไว้ระหว่างทองคำกับเงินตราสกุลดอลลาร์ที่มีการแลกเปลี่ยนด้วยอัตราคงที่ ทั้งนี้เพราะเงินสกุลดอลลาร์มีอยู่ล้นโลกจึงได้มีการเรียกร้องให้สหรัฐฯเพิ่มทุนสำรองทองคำเป็นอีกหนึ่งเท่าตัว ถึงแม้ว่ามาตราทองคำนี้จะมีข้อดีอยู่ที่สามารถใช้เป็นหลักประกันในการแปลงค่าเงินตราทุกสกุลในระบบการจ่ายเงินระดับพหุภาคีอย่างแท้จริงโดยเสรี แต่จากการที่มีอุปทานของทองคำอย่างจำกัดก็จึงเป็นการยากที่จะสร้างทุนสำรองทองคำนี้อย่างพอเพียงในช่วงที่มีการค้าขายเพิ่มมากขึ้นได้ การไหลเข้าประเทศหรือการไหลออกนอกประเทศของทองคำจะทำให้เกิดภาวะเงินฝืดและภาวะเงินเฟ้อที่ไม่พึงประสงค์ขึ้นมาได้(ถ้าทองคำไหลออกนอกประเทศมากก็จะเกิดภาวะเงินฝืด แต่ถ้าทองคำไหลเข้ามาในประเทศมากไปก็จะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อได้) ทั้งนี้เพราะค่าของเงินตราภายในของแต่ละชาตินั้นอิงปริมาณทองคำที่ชาตินั้นๆครอบครองอยู่ เมื่อรัฐบาลกำหนดเป็นเป้าหมายของชาติไว้ว่าจะต้องรักษาเสถียรภาพของเงินตราของตนไว้ให้ได้ แต่สภาพการจ้างงานอย่างเต็มที่ก็ดี การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วก็ดี กลไกการปรับตัวเองโดยอัตโนมัติของมาตรฐานทองคำก็ดี มิได้เป็นไปโดยสอดประสานกัน ดังนั้นก็จึงได้มีการนำระบบเงินตราแบบธนบัตรมาใช้แทน ระบบมาตราปริวรรตทองคำที่ดำเนินมาจนกระทั่งถึงปี ค.ศ. 1971 ได้อ่อนแอลงเนื่องจาก (1) สภาวะขาดแคลนทองคำทั่วโลก (2) สภาวะขาดดุลการชำระเงินของสหรัฐอเมริกา และ(3) สภาวะที่หลายชาติโดยเฉพาะอย่างยิ่งฝรั่งเศสรีบแลกเปลี่ยนดอลลาร์ที่ตนมีอยู่เป็นทองคำอย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ดีในปี ค.ศ. 1967 กลุ่มจี –7 หรือกลุ่มมหาอำนาจทางอุตสาหกรรมชั้นนำ 7 ชาติ ได้ตกลงกันที่จะเสริมสร้างระบบการเงินของโลกโดยการสร้าง ”ทองคำกระดาษ” ในรูปแบบของการจัดตั้ง สิทธิถอนพิเศษ(สเปเชียล ดรอวิ่ง ไร้ท์=เอสดีอาร์) ขึ้นมาเพื่อสมาชิกทุกชาติของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(ไอเอ็มเอฟ) เมื่อมีเครดิตเพิ่มขึ้นมาด้วยวิธีดังกล่าวนี้แล้ว ชาติที่ทำการค้ารายใหญ่ๆทั่วโลกก็ได้พยายาม”บริหารจัดการ” อุปทานการเงินระหว่างประเทศในลักษณะเดียวกับที่รัฐบาลของชาติต่างๆใช้ธนาคารกลางของตนคอยกำกับดูแลเงินตราภายในของตนนั่นแหละ ราคาของทองคำซึ่งเคยมีราคาคงที่ที่ 35 ดอลลาร์ต่อทองคำหนึ่งออนซ์เป็นเวลาหลายปีมาแล้ว ก็ได้ถีบตัวสูงขึ้นในตลาดโลกอันเป็นผลมาจากภาวะเงินเฟ้ออย่างรุนแรงที่มีผลกระทบต่อเงินสกุลต่างๆส่วนใหญ่

No comments:

Post a Comment

Elephantstay,Thailand,

Elephantstay,Thailand,
Live,work and play with elephants